ตะโพน
เป็นกลองสองหน้า หน้าหนึ่งใหญ่
และอีกหน้าหนึ่งเล็ก หน้าใหญ่เรียกว่า หน้าเท่ง
หน้าเล็กเรียกว่าหน้ามัดใช้ตีกำกับจังหวะ หน้าทับต่างๆ ของเพลงไทยในวงปี่พาทย์
ตะโพนสามารถตีได้ ถึง 12 เสียง
กลองทัด
เป็นกลองที่ชาวไทยทำขึ้นใช้แต่เดิมมีขนาดใหญ่ที่สุดในวงปี่พาทย์กลองชนิดนี้เป็น กลองสองหน้าขึงด้วยหนัง ตัวกลองทำด้วยไม้เนื้อแข็ง
ข้างกลองมีห่วงสำหรับแขวนหรือตั้ง
ขาหยั่ง 1 ห่วง
เวลาตีใช้ตีเพียงหน้าเดียว ไม้สำหรับใช้ตีเป็นไม้รวก 2 ท่อน
โทน
เป็นกลองที่ขึงด้วยหนังหน้าเดียวใช้ตีกำกับจังหวะในวงดนตรีไทยมีด้วยกัน
2 ชนิดโทนชาตรี
ตัวกลองทำด้วยไม้ใช้กับวงปี่พาทย์ชาตรี
ตีประกอบการแสดงโนห์ราชาตรีและหนังตะลุง นอกจากนั้นยังใช้ตีกำกับ
จังหวะในวงปี่พาย์ วงเครื่องสาย และวงมโหรี เมื่อเล่นเพลงเขมรและตะลุง
โทนมโหรี
ตัวกลองทำด้วยดินเผา
ด้วยเหตุที่กลองชนิดนี้ใช้ตีเฉพาะในวงเครื่องสาย และวงมโหรี
จึงเรียกว่า โทนมโหรี เวลาตีใช้ตีคู่กับ
รำมะนา
รำมะนา
เป็นกลองหน้าเดียว มี 2
ชนิดรำมะนามโหรี
ขนาดเล็กใช้ตีกำกับจังหวะในวงเครื่องสาย และวงมโหรี โดยใช้ตีคู่กับโทน รำมะนาลำตัด ขนาดใหญ่ไทยได้แบบอย่างมาจากชวา ในสมัย
รัชกาลที่ 5 ใช้ประกอบการแสดงลำตัด
กลองชนะ
รูปร่างเหมือนกลองมลายู แต่สั้นกว่า
แต่เดิมใช้ตีเป็นจังหวะในการฝึกเพลงอาวุธ จึงเรียกกลองชนิดนี้ว่า กลองชนะ
เพื่อเป็นมงคล ในสมัยต่อมาใช้ตีเป็นเครื่องประโคมในขบวนเสด็จพยุหยาตรา
กลองแขก
รูปร่างเป็นทรงกระบอก ชุดหนึ่งมี 2 ลูก
ลูกหนึ่งเสียงต่ำ เรียก “ตัวเมีย”อีกลูกหนึ่ง เสียงสูง เรียก “ตัวผู้” ใช้ตีด้วยฝ่ามือใช้ตีกำกับในวงปี่พาทย์
และใช้แทนโทน-รำมะนาในวงเครื่องสายได้อีกด้วย
กลองมลายู
รูปร่างเหมือนกลองแขก แต่
สั้นกว่าไทยนำมาใช้ในขบวนแห่ ต่อมาใช้ตีประโคมศพโดยจัดเป็นชุด ชุดหนึ่งมี 4 ลูก
ภายหลังได้ลดลงเหลือเพียง 2 ลูก เพื่อใช้บรรเลงคู่กันเหมือนกลองแขกในวงปี่พาทย์
กลองชาตรี
รูปร่างของกลองชาตรีเหมือนกลองทัด
แต่รูปร่างเล็กกว่ามาก ใช้บรรเลงร่วมในวงปี่พาทย์ชาตรี
กลองนี้เรียกตามเสียงที่ตีอีกอย่างหนึ่งว่า “กลองตุ๊ก”
กลองยาว
เป็นกลอง หน้าเดียว
มีสายสำหรับสะพายคล้องคอ ใช้มือตี เพื่อความสนุกสนาน ผู้เล่นอาจใช้กำปั้น ศอก เข่า
ศีรษะ ฯลฯ เราได้แบบอย่างการตีกลองยาวมาจากพม่าสมัยที่พม่าเข้ามาตั้งแต่ค่ายเพื่อทำสงครามกับไทย
มโหระทึก
เป็นกลองชนิดหนึ่งแต่เป็นกลองหน้าเดียวหล่อด้วยโลหะผสมทองแดง
ตะกั่ว ดีบุก กว้าง 65 เซนติเมตร สูง 53 เซนติเมตร ก้นกว้าง 70.5 เซนติเมตร เอว 50
เซนติเมตร คอดเป็นมโหระทึก ใช้ในพระราชพิธี และกระทำกิจของสงฆ์
เปิงมางคอก
ใช้เปิงมาง จำนวน 7 ลูก มีขนาดลดหลั่นกัน
ผูกเรียงลำดับตามขนาดจากใหญ่ไปเล็กโดยทำเป็นวงลักษณะเป็นคอก จึงเรียกว่า “เปิงมางคอก” ใช้ตีประสานคู่กับตะโพนมอญ
ฉิ่ง
เป็นเครื่องตีกำกับจังหวะ
ทำด้วยโลหะรูปร่างกลม เว้ากลาง ปากผาย
คล้ายฝาขนมครกไม่มีจุกสำรับหนึ่งมีสองฝาเจาะรูตรงกลางที่เว้า
สำหรับร้อยเชือกโยงฝาทั้งสอง เพื่อสะดวกในการถือตี ฉิ่งมีสองขนาด
ขนาดใหญ่ใช้ประกอบวงปีพาทย์ ขนาดเล็กใช้กับวงเครื่องสายและมโหรี
ฉาบ
เป็นเครื่องตีกำกับจังหวะ ทำด้วยโลหะ
รูปร่างคล้ายฉิ่ง แต่ มีขนาดใหญ่กว่าและหล่อบางกว่า มีสองขนาด
ขนาดใหญ่กว่าเรียกว่า ฉาบใหญ่ ขนาดเล็กกว่า เรียกว่า ฉาบเล็ก การตีจะตีแบบประกบ
และตีแบบเปิดให้เสียงต่างกัน
กรับพวง
ทำด้วยไม้หรือโลหะ
ลักษณะเป็นแผ่นบางหลายแผ่นร้อยเข้าด้วยกัน ใช้ไม้หนาสองชิ้นประกบไว้
ลักษณะคล้ายพัดกรับเสภา ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง ลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยม มีสันมน
ฆ้องโหม่ง
รูปร่างเหมือนกับฆ้องชัยแต่ขนาดเล็กและบางกว่า
เส้นศูนย์กลางประมาณ ๒๐ - ๒๕ ซม. ฆ้องเหม่ง
รูปร่างเหมือนกับฆ้องโหม่งแต่มีขนาดใหญ่กว่า และหนากว่า
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑๗ ซม.